top of page

ผู้นำที่ใคร ๆ ก็รัก: ทักษะแบบใหม่ที่สร้างได้ในยุคที่คนไม่ยอมตามใครง่าย ๆ

ในอดีต ภาพของ “ผู้นำที่ดี” มักถูกผูกไว้กับคำว่าเด็ดขาด เก่งกาจ และมีคำสั่งชัดเจน แต่ในโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะโลกของทีมงานที่ต้องร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม “ผู้นำที่ใคร ๆ ก็ยอมรับและอยากเดินตาม” มักไม่ใช่คนที่สั่งเก่ง แต่เป็นคนที่ ฟังเก่ง สื่อสารเป็น และเข้าใจหัวใจของผู้คน

บทความนี้จะพาไปรู้จัก 10 ทักษะสำคัญของ “ผู้นำที่คนรัก” พร้อมตัวอย่างและเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที



1. Empathetic Assertiveness – กล้าพูดด้วยใจที่เข้าใจ

ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่เอาใจทุกคนเสมอไป แต่คือคนที่กล้าพูดในสิ่งที่จำเป็น โดยไม่ทำลายความรู้สึกของใคร


เทคนิค:

  • เวลาต้องให้ feedback ที่ยาก ลองเริ่มด้วย “ฉันเข้าใจว่า... แต่เพื่อให้ทีมไปต่อ เราจำเป็นต้อง...”

  • ใช้เทคนิค I-message เช่น “ฉันรู้สึกว่า... เมื่อเราเจอสถานการณ์นี้” แทนการโทษอีกฝ่าย

Insight: การกล้าพูดในสิ่งจำเป็นคือการปกป้องคุณค่าของทีม ไม่ใช่การปะทะ


2. Visionary Storytelling – สื่อสารด้วยเรื่องเล่าให้คนเห็นภาพและมีพลัง

ผู้นำยุคใหม่ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ต้องเล่าเรื่องเป็น เพราะเรื่องเล่าช่วยให้เป้าหมายที่ดูไกล กลายเป็นสิ่งที่ “จับต้องได้ในใจคน”


เทคนิค:

  • ใช้ “3C” ของการเล่าเรื่อง: Context – Challenge – Change

  • เล่าเรื่องจริงของคนในทีม ที่เคยพัฒนาแล้วเติบโต จนกลายเป็นแรงบันดาลใจ

ตัวอย่าง: “จำได้ไหมว่าตอนต้นปีเรากลัวจะทำโปรเจกต์นี้ไม่ทัน? ตอนนี้เรามาถึงขั้นนี้ได้เพราะทุกคนลุยไปด้วยกัน...”


3. Authentic Vulnerability – ความจริงใจคือพลัง

การยอมรับว่า “ฉันก็เคยผิดพลาด” ไม่ได้ทำให้ผู้นำดูอ่อนแอ แต่มันคือ “การเปิดใจให้ทีมกล้าเติบโตไปพร้อมกัน”


เทคนิค:

  • แชร์สิ่งที่คุณเคยเรียนรู้จากความผิดพลาด โดยไม่ต้องทำให้เป็นดราม่า

  • กล้าพูดว่า “อันนี้ฉันยังไม่เก่ง แต่เรามาคิดทางออกด้วยกันไหม”

Insight: ความเปราะบางอย่างจริงใจ สร้างความไว้วางใจได้ลึกกว่าคำพูดสวยหรู


4. Servant Leadership – นำด้วยใจที่อยากรับใช้ ไม่ใช่ควบคุม

ผู้นำที่ดีมองเห็น “ทีม” ไม่ใช่แค่ทรัพยากร แต่คือ “มนุษย์ที่มีศักยภาพ” หน้าที่ของเขาคือ สร้างเงื่อนไขให้ทุกคนงอกงามได้เต็มที่


เทคนิค:

  • เปลี่ยนคำถามจาก “ฉันต้องให้เขาทำอะไร” → “ฉันจะสนับสนุนเขาให้ทำสิ่งนั้นได้ยังไง”

  • ฝึกการ “ฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่ฟังด้วยหู”

ตัวอย่าง: ผู้นำที่ใช้ servant leadership มักเป็นคนที่ “เดินไปช่วยเก็บของด้วยตัวเอง” ไม่ใช่แค่สั่งให้ทีมทำ

5. Curiosity-Driven Innovation – ความอยากรู้คือจุดเริ่มของความสร้างสรรค์

ผู้นำที่ดีไม่กลัวคำถาม ไม่กลัวไอเดียแปลก ๆ เขาสร้างวัฒนธรรมที่คนในทีม “กล้าลอง กล้าผิด และกล้าคิดนอกกรอบ”

เทคนิค:

  • ตั้งคำถามปลายเปิดเป็นประจำ เช่น “มีวิธีไหนที่เรายังไม่ได้ลอง?”

  • ใช้กิจกรรม “Crazy Idea Round” ในการ brainstorm โดยไม่มีใครถูกตัดสิน



6. Transformational Leadership – ผู้นำที่เปลี่ยนทั้งคนและระบบ

ผู้นำแบบ Transformational Leadership ไม่ได้แค่มอบหมายงาน แต่ “ปลุกใจคนให้เห็นคุณค่าในตัวเองและทีม” 

Insight: ไม่ใช่แค่พาทีม “ทำงานให้เสร็จ” แต่พาทีม “เติบโตและเห็นคุณค่าของตัวเองไปด้วยกัน”


เทคนิค:

  • สร้าง “ภาพฝันร่วมกัน” ที่ชัดเจน และสื่อสารซ้ำอย่างมีพลัง

  • ให้โอกาสทีมได้เสนอแนวทางใหม่ ๆ และร่วมตัดสินใจจริง


7. Emotional Intelligence (EI) – เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น

ผู้นำที่ขาด EI ก็เหมือนกัปตันที่ควบคุมเรือท่ามกลางคลื่นอารมณ์โดยไม่มีเข็มทิศ


เทคนิค:

  • ฝึกตั้งชื่ออารมณ์ของตัวเอง (Name it to tame it)

  • ถามตัวเองว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง และมันกำลังส่งผลต่อทีมยังไง”

ตัวอย่าง: ระหว่างประชุมทีม มีสมาชิกคนหนึ่งแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายและไม่พูดอะไรเลย แทนที่จะตำหนิว่า “ไม่ให้ความร่วมมือ” ผู้นำที่มี EI อาจทักอย่างอ่อนโยนว่า “วันนี้ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยสบายใจ อยากพักก่อนหรือลองแชร์สิ่งที่คิดไหมครับ?”


8. Strengths-Based Leadership – พาทีมโตจากสิ่งที่แต่ละคนถนัด

แทนที่จะพยายามให้ทุกคนเก่งเหมือนกัน ผู้นำที่เข้าใจ “ความหลากหลายของจุดแข็ง” จะช่วยให้ทีม “ประกอบกันเป็นภาพที่สมบูรณ์”


เทคนิค:

  • ใช้แบบประเมินจุดแข็ง เช่น VIA หรือ CliftonStrengths

  • มอบหมายงานตามความถนัด ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง

ตัวอย่าง : ในทีมมีสมาชิกคนหนึ่งไม่เก่งงานเอกสาร แต่สื่อสารเก่งและสร้างพลังบวกเก่งมาก แทนที่จะฝืนให้เขาจัดการไฟล์หรือรายงาน ผู้นำเลือกให้เขารับหน้าที่ ประสานงานและดูแลบรรยากาศทีม ผลลัพธ์คือ งานไหลลื่นขึ้น และคนในทีมรู้สึกมีพลังมากขึ้น


9. Positive Psychology Leadership – สร้างพื้นที่ปลอดภัยที่เต็มไปด้วยพลังบวก

ในที่ทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียดผู้นำที่สร้างบรรยากาศบวก คือแสงเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนใจคนทั้งทีมได้

Insight: ความสุขในการทำงาน ไม่ได้มาจากโบนัสเท่านั้น แต่มาจากการรู้ว่า “สิ่งที่ฉันทำมีความหมาย” และ “ฉันมีคุณค่าในทีมนี้”


เทคนิค:

  • เริ่มประชุมด้วย “1 เรื่องดี ๆ วันนี้”

  • ชวนทีมเขียน “I’m proud of…” ทุกสัปดาห์


10. Adaptive Leadership – นำแบบยืดหยุ่น ไม่ยึดติด

โลกเปลี่ยนเร็วเกินกว่าจะใช้คำว่า “ทำแบบเดิมก็พอ” ผู้นำที่ปรับตัวได้ดี คือคนที่ “ยอมเปลี่ยน ไม่ใช่ยอมแพ้”

Insight: ผู้นำที่ยืดหยุ่น ไม่ได้แปลว่าไม่มีหลัก แต่คือคนที่รู้ว่า เมื่อไหร่ควรยืนหยัด และเมื่อไหร่ควรถอยเพื่อฟัง

ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว คนที่ปรับตัวไว จะพาทีมอยู่รอดและเติบโตไปพร้อมกันได้


เทคนิค:

  • ใช้เทคนิค SCAN:

  Situation – เกิดอะไรขึ้น

Choices – ทางเลือกมีอะไรบ้าง

Action – จะลงมือทำยังไง

Navigate – วางแผนปรับตามสถานการณ์


ตัวอย่าง: หลังจากประชุมวางแผนงานมาหลายสัปดาห์ ทีมเจอวิกฤตงบประมาณกะทันหัน แทนที่จะยืนยันแผนเดิมจนคนหมดแรง ผู้นำชวนทีม “ปรับเป้าหมายให้เหมาะกับสถานการณ์ใหม่” และเปิดให้ทุกคนเสนอทางออกร่วมกัน ผลลัพธ์คือทีมรู้สึกเป็นเจ้าของแผนใหม่ และลุยต่อด้วยพลังใจเต็มร้อย






สรุป: ความรักที่แท้จริง ไม่ได้มาจากอำนาจ แต่มาจากความเป็นมนุษย์

ในยุคที่คนเลือกจะ “ตามเฉพาะคนที่เขารู้สึกว่าเข้าใจเขาจริง” การเป็นผู้นำที่น่ารัก น่าเคารพ และน่าเดินตาม

ไม่ได้เกิดจากการเรียนปริญญาเท่านั้น แต่เกิดจาก ความตั้งใจจะฟัง เข้าใจ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะสุดท้ายแล้ว “หัวใจของความเป็นผู้นำ...คือการสร้างคน ไม่ใช่แค่สั่งคน”


 
 
 

コメント

5つ星のうち0と評価されています。
まだ評価がありません

評価を追加

© 2035 by Site Name. Powered and secured by Wix

bottom of page