ประชุมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ไม่เสียเวลาเปล่า
- fonfonwebsite
- May 13
- 2 min read
การประชุมเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานเป็นทีมและการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่การประชุมกลายเป็นภาระที่เสียเวลา ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และไม่ได้ช่วยให้การทำงานก้าวหน้าอย่างแท้จริง ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ทีมสูญเสียพลังงาน ลดประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกเบื่อหน่าย
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวทาง ประชุมให้กระชับ ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และไม่เสียเวลาฟรี พร้อมกับ เทคนิคในการบันทึกการประชุม (Meeting Minutes) เพื่อให้การประชุมของคุณเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการทำงานเป็นทีมและการประสานงานในองค์กร

3 องค์ประกอบสำคัญของการประชุมที่มีประสิทธิภาพ
การตั้งเป้าหมายของการประชุมให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มประชุม ทุกคนควรทราบว่า ประชุมเพื่ออะไร? และ คาดหวังผลลัพธ์อะไรจากการประชุมนี้? การประชุมที่ดีควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ระดมสมอง, ตัดสินใจเรื่องสำคัญ, หรือติดตามความคืบหน้าของโครงการ
การกำหนดวาระประชุม (Agenda) ที่กระชับและตรงประเด็น
การกำหนดลำดับวาระการประชุมล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ควรจัดลำดับ จากเรื่องสำคัญที่สุดไปเรื่องที่ใช้เวลาน้อยที่สุด และกำหนดระยะเวลาสำหรับแต่ละวาระอย่างเหมาะสม
การกำหนดบทบาทที่ชัดเจน
Facilitator (ผู้นำการประชุม): ดูแลให้การประชุมเป็นไปตามเป้าหมาย
Timekeeper (ผู้จับเวลา): คอยควบคุมเวลาของแต่ละวาระ
Note-taker (ผู้จดบันทึก): บันทึกประเด็นสำคัญและข้อสรุปของการประชุม
Participants (ผู้เข้าร่วมประชุม): ต้องเตรียมข้อมูลและมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์
เทคนิคการประชุมให้มีประสิทธิภาพ
การประชุมที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การนัดหมายผู้คนมาเจอกัน แต่ต้องเป็นเวทีที่ช่วยให้ทีมทำงานได้ดีขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และเข้าใจแนวทางการทำงานร่วมกันได้ชัดเจนขึ้น หลายครั้งที่ทีมเสียเวลาไปกับการพูดคุยนอกประเด็น ยืดเยื้อเกินไป หรือจบลงโดยไม่มีข้อสรุปที่นำไปปฏิบัติได้ เทคนิคต่อไปนี้จะช่วยให้คุณและทีมประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Start with the Why – เริ่มประชุมด้วยเหตุผลที่ชัดเจน
ทุกการประชุมควรเริ่มต้นด้วยการอธิบายเป้าหมายหลัก (Why are we here?) การที่ทุกคนเข้าใจเหตุผลของการประชุม จะช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างมีทิศทาง ไม่ออกนอกประเด็น และทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกว่าการประชุมมีความสำคัญ
Tips:
เปิดประชุมด้วยการแจ้ง วัตถุประสงค์ อย่างชัดเจน เช่น “วันนี้เรามาประชุมกันเพื่อสรุปแผนการดำเนินงานไตรมาสหน้า”
แจ้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบถึง ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เช่น “หลังจากประชุมนี้ เราควรได้รายการงานที่ต้องดำเนินการต่อ พร้อมผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน”
Round Robin Discussion – เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม
การประชุมที่ดีไม่ใช่การให้คนใดคนหนึ่งพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม เทคนิค Round Robin Discussion ช่วยให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นหรืออัพเดทสถานะงานของตนได้อย่างทั่วถึง
Tips:
ใช้หลักการ “One Voice at a Time” เพื่อให้ทุกคนได้พูด
ตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น เช่น “มีมุมมองอื่นที่เราควรพิจารณาอีกไหม?”
หากมีคนพูดมากเกินไป ควรตั้งกฎให้แต่ละคนมีเวลาสูงสุด เช่น 1-2 นาทีต่อรอบ
Time-boxing – จัดสรรเวลาแต่ละวาระให้เหมาะสม
หากไม่มีการจำกัดเวลา การประชุมอาจยืดเยื้อเกินไป เทคนิค Time-boxing เป็นการกำหนดเวลาให้กับแต่ละหัวข้อของวาระประชุม เพื่อให้แน่ใจว่า การสนทนาแต่ละเรื่องไม่ยืดเยื้อ และสามารถครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญได้
Tips:
ระบุเวลาสำหรับแต่ละหัวข้อ เช่น 10 นาที สำหรับอัพเดตสถานะงาน, 15 นาทีสำหรับการตัดสินใจ, 5 นาทีสำหรับการสรุป
ใช้ นาฬิกาจับเวลา หรือให้ Timekeeper คอยเตือนเมื่อเวลาหมด
หากประเด็นใดยังไม่ได้ข้อสรุป อาจต้องเลื่อนเป็นหัวข้อพิเศษในครั้งถัดไป
การสรุปและติดตามผล (Action Items)
การประชุมที่ไม่มีการสรุปคือการประชุมที่สูญเปล่า ทุกครั้งหลังประชุม ควรมีการสรุปสิ่งที่ตกลงกัน และมอบหมายงานให้แต่ละคนรับผิดชอบอย่างชัดเจน
Tips:
ใช้ Action Item Template เช่น:
งาน: พัฒนาแผนการตลาดสำหรับไตรมาสหน้า
ผู้รับผิดชอบ: คุณ A และทีม
กำหนดส่ง: ภายในวันที่ 15 ของเดือนนี้
ส่งสรุปการประชุมให้ทีมหลังประชุมเสร็จทันที เพื่อให้ทุกคนสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ง่ายขึ้น
เทคนิคการจดบันทึกการประชุม (Meeting Minutes) ให้มีประสิทธิภาพ
การจดบันทึกการประชุมที่ดีช่วยให้ทีมสามารถติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเข้าใจผิด และช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น รายการสำคัญที่ควรมีในบันทึกการประชุม ได้แก่:
หัวข้อการประชุมและวัตถุประสงค์ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจขอบเขตของการประชุม
รายชื่อผู้เข้าร่วมและบทบาทของแต่ละคน
ประเด็นหลักที่พูดคุยกัน และข้อสรุปและการตัดสินใจที่เกิดขึ้น
Action Items – ใครต้องทำอะไร และกำหนดส่งงานเมื่อไหร่
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือเรื่องที่ต้องติดตามในการประชุมครั้งต่อไป
วิธีการจดบันทึกให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง คือ
ใช้ โครงสร้าง 3W1H (What, Who, When, How) เพื่อให้ข้อมูลกระชับและตรงประเด็น
เน้นการจดแบบสรุป (Summarized Notes) ไม่ใช่การจดทุกคำพูด
ใช้ Bullet Points และ Highlight จุดสำคัญ เพื่อให้กลับมาอ่านได้ง่าย
แจกจ่ายบันทึกการประชุมให้ทีมทันทีหลังประชุม เพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบและดำเนินการต่อได้ทันที
ปัจจุบัน นอกจากเราจะสามารถดาวน์โหลด meeting minute template มาประยุกต์ใช้ในการจดบันทึกการประชุมของเราได้แล้ว เรายังสามารถเลือกใช้เครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้การจด Meeting

Minutes มีประสิทธิภาพ ได้อย่างหลากลายรูปแบบอีกด้วย เช่น
Google Docs / Notion: เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแชร์บันทึกการประชุมแบบเรียลไทม์ สามารถทำให้ทุกคนเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลได้ทันที ลดปัญหาความเข้าใจผิดและช่วยให้การติดตามผลการประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น Notion เหมาะสำหรับการจัดระเบียบข้อมูลประชุมให้เป็นหมวดหมู่ ส่วน Google Docs ใช้งานง่ายและสามารถคอมเมนต์หรือแนะนำการแก้ไขได้แบบเรียลไทม์
Trello / Asana: เหมาะสำหรับการติดตาม Action Items และสถานะของงานที่ได้รับมอบหมาย Trello ใช้บอร์ดแบบ Kanban เพื่อช่วยให้ทีมเห็นภาพรวมของงานได้ง่ายขึ้น สามารถลากและวางงานระหว่างคอลัมน์ที่แบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ เช่น "กำลังดำเนินการ" และ "เสร็จสิ้น" ขณะที่ Asana มีฟีเจอร์ที่ช่วยจัดลำดับความสำคัญของงาน และมอบหมายงานให้สมาชิกในทีมพร้อมกำหนดเดดไลน์
Otter.ai / MS Teams: Otter.ai ใช้ AI ช่วยจับเสียงและแปลงเป็นข้อความอัตโนมัติ ทำให้สามารถใช้บันทึกการประชุมและสรุปประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Microsoft Teams มีฟังก์ชันบันทึกการประชุมพร้อม AI สร้างสรุปให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ที่พลาดการประชุมสามารถกลับมาอ่านหรือฟังเนื้อหาสำคัญได้ภายหลัง
Miro / MURAL: เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนและระดมความคิดเชิงภาพ เหมาะสำหรับการประชุมที่ต้องใช้ไอเดียสร้างสรรค์ Miro เป็นไวท์บอร์ดออนไลน์ที่สามารถใช้สร้างแผนผังความคิด (Mind Map), แผนที่กลยุทธ์ และเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ ขณะที่ MURAL เน้นการทำงานร่วมกันผ่านรูปแบบ Sticky Notes และการจัดกลุ่มไอเดีย ทำให้เหมาะสำหรับการระดมสมองและพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป
การประชุมที่ดีคือการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ และพึงระลึกไว้เสมอว่า “การประชุมที่ดีไม่ใช่ประชุมที่ใช้เวลานานที่สุด แต่เป็นประชุมที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด” เพราะการประชุมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความสับสนและเสริมความเข้าใจระหว่างทีม ทำให้การประสานงานในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การบริหารเวลา และการจดบันทึกอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างมีพลังและใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ลองปรับการประชุมของคุณให้ดีขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนทุกครั้งก่อนประชุม และใช้เทคนิค Time-boxing และ Round Robin Discussion รวมถึงจัดทำ Meeting Minutes และแจกจ่ายให้ทีมหลังประชุม เมื่อคุณสามารถทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพขึ้น **ทีมของคุณจะทำงานได้อย่างลื่นไหล ลดความขัดแย้ง และก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน!
Comments