top of page

ประชุมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ไม่เสียเวลาเปล่า

การประชุมเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานเป็นทีมและการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่การประชุมกลายเป็นภาระที่เสียเวลา ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และไม่ได้ช่วยให้การทำงานก้าวหน้าอย่างแท้จริง ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ทีมสูญเสียพลังงาน ลดประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกเบื่อหน่าย


ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวทาง ประชุมให้กระชับ ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และไม่เสียเวลาฟรี พร้อมกับ เทคนิคในการบันทึกการประชุม (Meeting Minutes) เพื่อให้การประชุมของคุณเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการทำงานเป็นทีมและการประสานงานในองค์กร



3 องค์ประกอบสำคัญของการประชุมที่มีประสิทธิภาพ

  1. การตั้งเป้าหมายของการประชุมให้ชัดเจน

ก่อนเริ่มประชุม ทุกคนควรทราบว่า ประชุมเพื่ออะไร? และ คาดหวังผลลัพธ์อะไรจากการประชุมนี้?  การประชุมที่ดีควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ระดมสมอง, ตัดสินใจเรื่องสำคัญ, หรือติดตามความคืบหน้าของโครงการ

  1. การกำหนดวาระประชุม (Agenda) ที่กระชับและตรงประเด็น

การกำหนดลำดับวาระการประชุมล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ควรจัดลำดับ จากเรื่องสำคัญที่สุดไปเรื่องที่ใช้เวลาน้อยที่สุด และกำหนดระยะเวลาสำหรับแต่ละวาระอย่างเหมาะสม

  1. การกำหนดบทบาทที่ชัดเจน

  2. Facilitator (ผู้นำการประชุม): ดูแลให้การประชุมเป็นไปตามเป้าหมาย

  3. Timekeeper (ผู้จับเวลา): คอยควบคุมเวลาของแต่ละวาระ

  4. Note-taker (ผู้จดบันทึก): บันทึกประเด็นสำคัญและข้อสรุปของการประชุม

  5. Participants (ผู้เข้าร่วมประชุม): ต้องเตรียมข้อมูลและมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์



เทคนิคการประชุมให้มีประสิทธิภาพ

การประชุมที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การนัดหมายผู้คนมาเจอกัน แต่ต้องเป็นเวทีที่ช่วยให้ทีมทำงานได้ดีขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และเข้าใจแนวทางการทำงานร่วมกันได้ชัดเจนขึ้น หลายครั้งที่ทีมเสียเวลาไปกับการพูดคุยนอกประเด็น ยืดเยื้อเกินไป หรือจบลงโดยไม่มีข้อสรุปที่นำไปปฏิบัติได้ เทคนิคต่อไปนี้จะช่วยให้คุณและทีมประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


Start with the Why – เริ่มประชุมด้วยเหตุผลที่ชัดเจน

ทุกการประชุมควรเริ่มต้นด้วยการอธิบายเป้าหมายหลัก (Why are we here?) การที่ทุกคนเข้าใจเหตุผลของการประชุม จะช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างมีทิศทาง ไม่ออกนอกประเด็น และทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกว่าการประชุมมีความสำคัญ

Tips:

  • เปิดประชุมด้วยการแจ้ง วัตถุประสงค์ อย่างชัดเจน เช่น “วันนี้เรามาประชุมกันเพื่อสรุปแผนการดำเนินงานไตรมาสหน้า”

  • แจ้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบถึง ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เช่น “หลังจากประชุมนี้ เราควรได้รายการงานที่ต้องดำเนินการต่อ พร้อมผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน”


Round Robin Discussion – เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม

การประชุมที่ดีไม่ใช่การให้คนใดคนหนึ่งพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม เทคนิค Round Robin Discussion ช่วยให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นหรืออัพเดทสถานะงานของตนได้อย่างทั่วถึง

Tips:

  • ใช้หลักการ “One Voice at a Time” เพื่อให้ทุกคนได้พูด

  • ตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น เช่น “มีมุมมองอื่นที่เราควรพิจารณาอีกไหม?”

  • หากมีคนพูดมากเกินไป ควรตั้งกฎให้แต่ละคนมีเวลาสูงสุด เช่น 1-2 นาทีต่อรอบ


Time-boxing – จัดสรรเวลาแต่ละวาระให้เหมาะสม

หากไม่มีการจำกัดเวลา การประชุมอาจยืดเยื้อเกินไป เทคนิค Time-boxing เป็นการกำหนดเวลาให้กับแต่ละหัวข้อของวาระประชุม เพื่อให้แน่ใจว่า การสนทนาแต่ละเรื่องไม่ยืดเยื้อ และสามารถครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญได้

Tips:

  • ระบุเวลาสำหรับแต่ละหัวข้อ เช่น 10 นาที สำหรับอัพเดตสถานะงาน, 15 นาทีสำหรับการตัดสินใจ, 5 นาทีสำหรับการสรุป

  • ใช้ นาฬิกาจับเวลา หรือให้ Timekeeper คอยเตือนเมื่อเวลาหมด

  • หากประเด็นใดยังไม่ได้ข้อสรุป อาจต้องเลื่อนเป็นหัวข้อพิเศษในครั้งถัดไป


การสรุปและติดตามผล (Action Items)

การประชุมที่ไม่มีการสรุปคือการประชุมที่สูญเปล่า ทุกครั้งหลังประชุม ควรมีการสรุปสิ่งที่ตกลงกัน และมอบหมายงานให้แต่ละคนรับผิดชอบอย่างชัดเจน

Tips:

  • ใช้ Action Item Template เช่น:

    • งาน: พัฒนาแผนการตลาดสำหรับไตรมาสหน้า

    • ผู้รับผิดชอบ: คุณ A และทีม

    • กำหนดส่ง: ภายในวันที่ 15 ของเดือนนี้

  • ส่งสรุปการประชุมให้ทีมหลังประชุมเสร็จทันที เพื่อให้ทุกคนสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ง่ายขึ้น



เทคนิคการจดบันทึกการประชุม (Meeting Minutes) ให้มีประสิทธิภาพ

การจดบันทึกการประชุมที่ดีช่วยให้ทีมสามารถติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเข้าใจผิด และช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น รายการสำคัญที่ควรมีในบันทึกการประชุม ได้แก่:

  • หัวข้อการประชุมและวัตถุประสงค์ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจขอบเขตของการประชุม

  • รายชื่อผู้เข้าร่วมและบทบาทของแต่ละคน

  • ประเด็นหลักที่พูดคุยกัน และข้อสรุปและการตัดสินใจที่เกิดขึ้น

  • Action Items – ใครต้องทำอะไร และกำหนดส่งงานเมื่อไหร่

  • ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือเรื่องที่ต้องติดตามในการประชุมครั้งต่อไป

วิธีการจดบันทึกให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง คือ

  • ใช้ โครงสร้าง 3W1H (What, Who, When, How) เพื่อให้ข้อมูลกระชับและตรงประเด็น

  • เน้นการจดแบบสรุป (Summarized Notes) ไม่ใช่การจดทุกคำพูด

  • ใช้ Bullet Points และ Highlight จุดสำคัญ เพื่อให้กลับมาอ่านได้ง่าย

  • แจกจ่ายบันทึกการประชุมให้ทีมทันทีหลังประชุม เพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบและดำเนินการต่อได้ทันที

ปัจจุบัน นอกจากเราจะสามารถดาวน์โหลด meeting minute template มาประยุกต์ใช้ในการจดบันทึกการประชุมของเราได้แล้ว เรายังสามารถเลือกใช้เครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้การจด Meeting



Minutes มีประสิทธิภาพ ได้อย่างหลากลายรูปแบบอีกด้วย เช่น

  • Google Docs / Notion: เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแชร์บันทึกการประชุมแบบเรียลไทม์ สามารถทำให้ทุกคนเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลได้ทันที ลดปัญหาความเข้าใจผิดและช่วยให้การติดตามผลการประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น Notion เหมาะสำหรับการจัดระเบียบข้อมูลประชุมให้เป็นหมวดหมู่ ส่วน Google Docs ใช้งานง่ายและสามารถคอมเมนต์หรือแนะนำการแก้ไขได้แบบเรียลไทม์

  • Trello / Asana: เหมาะสำหรับการติดตาม Action Items และสถานะของงานที่ได้รับมอบหมาย Trello ใช้บอร์ดแบบ Kanban เพื่อช่วยให้ทีมเห็นภาพรวมของงานได้ง่ายขึ้น สามารถลากและวางงานระหว่างคอลัมน์ที่แบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ เช่น "กำลังดำเนินการ" และ "เสร็จสิ้น" ขณะที่ Asana มีฟีเจอร์ที่ช่วยจัดลำดับความสำคัญของงาน และมอบหมายงานให้สมาชิกในทีมพร้อมกำหนดเดดไลน์

  • Otter.ai / MS Teams: Otter.ai ใช้ AI ช่วยจับเสียงและแปลงเป็นข้อความอัตโนมัติ ทำให้สามารถใช้บันทึกการประชุมและสรุปประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Microsoft Teams มีฟังก์ชันบันทึกการประชุมพร้อม AI สร้างสรุปให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ที่พลาดการประชุมสามารถกลับมาอ่านหรือฟังเนื้อหาสำคัญได้ภายหลัง

  • Miro / MURAL: เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนและระดมความคิดเชิงภาพ เหมาะสำหรับการประชุมที่ต้องใช้ไอเดียสร้างสรรค์ Miro เป็นไวท์บอร์ดออนไลน์ที่สามารถใช้สร้างแผนผังความคิด (Mind Map), แผนที่กลยุทธ์ และเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ ขณะที่ MURAL เน้นการทำงานร่วมกันผ่านรูปแบบ Sticky Notes และการจัดกลุ่มไอเดีย ทำให้เหมาะสำหรับการระดมสมองและพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ



บทสรุป

การประชุมที่ดีคือการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ และพึงระลึกไว้เสมอว่า “การประชุมที่ดีไม่ใช่ประชุมที่ใช้เวลานานที่สุด แต่เป็นประชุมที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด” เพราะการประชุมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความสับสนและเสริมความเข้าใจระหว่างทีม ทำให้การประสานงานในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การบริหารเวลา และการจดบันทึกอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างมีพลังและใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ลองปรับการประชุมของคุณให้ดีขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนทุกครั้งก่อนประชุม และใช้เทคนิค Time-boxing และ Round Robin Discussion รวมถึงจัดทำ Meeting Minutes และแจกจ่ายให้ทีมหลังประชุม เมื่อคุณสามารถทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพขึ้น **ทีมของคุณจะทำงานได้อย่างลื่นไหล ลดความขัดแย้ง และก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน!


 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating

© 2035 by Site Name. Powered and secured by Wix

bottom of page