top of page

5 กลยุทธ์การสื่อสารผ่านตัวอักษร

โลกเปลี่ยนเร็วกว่าใจคิด...แล้วเราเปลี่ยนตามทันไหม? มีคำกล่าวว่า "การศึกษาในอดีตคือการเตรียมตัวทำงานตลอดชีวิต แต่การเรียนรู้ในวันนี้คือการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนงานตลอดชีวิต" นั่นไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่มันคือความจริงที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในทุกวัน

ความรู้อายุสั้นลง ทักษะใหม่ผุดขึ้นทุกเดือน เทคโนโลยีใหม่มาทีไร ทุกสิ่งที่เราคุ้นเคยถูกเขย่าให้เปลี่ยนไป ในโลกแบบนี้ การ "เรียนรู้ครั้งเดียวจบ" คือเส้นทางสู่การถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้...ไม่ใช่แค่ รู้ให้มากกว่า แต่ต้อง เปลี่ยนให้ไวกว่า Learn – Unlearn – Relearn จึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันคือ "ทักษะชีวิต" ที่ทุกคนต้องมีเพื่อไปต่อในโลกยุคนี้


Learn – Unlearn – Relearn คืออะไร?

  • Learn: เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยความถ่อมตน

การเรียนรู้ที่แท้จริงไม่ใช่แค่ "เสพข้อมูล" แต่คือการ "เปลี่ยนตัวเอง" ผ่านความเข้าใจใหม่ ๆ กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่รู้อะไร กล้าเดินเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย กล้าเริ่มต้น แม้จะไม่เก่งในตอนแรก พร้อมเปิดรับทักษะใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ โดยไม่ติดกรอบ โดยการเรียนรู้อย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่รู้ผ่าน ๆ เพราะในวันที่เรา “หยุดเรียนรู้” คือวันที่เราหยุดเติบโตไปโดยไม่รู้ตัว

ตัวอย่าง: นักการตลาดที่เคยเก่งการขายแบบออฟไลน์ ต้องเปิดใจเรียนรู้การตลาดดิจิทัล ตั้งแต่ศูนย์ ทั้งที่เคยเป็น "มือเก๋า" ในโลกเก่า 

Key learning: คนที่หยุดเรียนรู้ ไม่ใช่เพราะแก่เกินเรียน แต่เพราะหยุดเชื่อว่าตัวเองยังเปลี่ยนได้

  • Unlearn: วางความเชื่อเดิมที่กลายเป็นกรอบจำกัดตัวเอง

Unlearning ไม่ใช่การลืม แต่คือการ "ถอนราก" ความเชื่อหรือวิธีการที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป วางความเชื่อเดิมที่ไม่เวิร์คแล้ว กล้ายอมรับว่าสิ่งที่เคยเวิร์ค อาจไม่เหมาะกับวันนี้ ถอดตัวเองออกจากความเคยชินแบบเดิม ไม่ยึดติดว่า "ก็เคยทำแบบนี้แล้วได้ผล" คนที่ไม่กล้า Unlearn คือคนที่ยอมติดอยู่ในอดีต ทั้งที่โลกหมุนไปข้างหน้าแล้ว

ตัวอย่าง: บริษัทกล้องฟิล์มชื่อดังที่เคยยิ่งใหญ่ แต่ไม่ยอม Unlearn เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล…สุดท้ายต้องล่มสลายลง เพราะยึดติดกับอดีต


Key learning: สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จเมื่อวาน อาจเป็นสิ่งเดียวกันที่ทำให้เราติดกับอยู่กับที่ในวันนี้

  • Relearn: กลับมาเรียนใหม่ ด้วยสายตาและหัวใจที่เปลี่ยนไป

Relearning คือการยอมรับว่า "สิ่งที่รู้ ยังสามารถเข้าใจได้ลึกขึ้นอีก" และ "สิ่งที่เคยทำได้ดี ยังพัฒนาได้อีกขั้น" โดยการกลับมาเรียนรู้ใหม่อย่างตั้งใจ อัพเดทความรู้ความเข้าใจใหม่จากประสบการณ์ ทบทวนวิธีทำงานให้ดีขึ้น ฝึกทักษะเดิมด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น ปรับมุมมองให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สร้างทักษะใหม่ ๆ บนพื้นฐานความเข้าใจที่ลึกกว่าเดิม เปิดใจรับ feedback เพื่อนำไปสู่การเติบโต ซึ่ง Relearning ไม่ใช่การเริ่มจากศูนย์ แต่คือการก้าวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม 

ตัวอย่าง: นักบินที่มีชั่วโมงบินเกินหมื่นชั่วโมง ยังต้องเข้าสอบทักษะซ้ำทุกปี เพื่อ "Relearn" การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

Key learning: การ Relearn คือการไม่หยุดตั้งคำถามว่า "ฉันทำได้ดีกว่านี้ไหม?"


ทำไม Learn – Unlearn – Relearn ถึงจำเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ?

  • โลกดิจิทัลเปลี่ยนเร็ว องค์ความรู้เก่าอาจไม่พอรับมือกับปัญหาใหม่ งานที่มีอยู่ในวันนี้ บางอย่างจะหายไปในอีก 5 ปีข้างหน้า

  • โลกของข้อมูลล้นและไหลมาไม่หยุด แค่รู้เยอะจึงไม่พอ ต้องรู้จักคัดเลือกและเชื่อมโยงด้วย

  • ความต้องการของตลาดเปลี่ยน ทักษะเดิม ๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่ตลาดงานต้องการอีกต่อไป คนที่ปรับตัวได้ช้า จะตกขบวนโอกาสอย่างน่าเสียดาย

  • ชีวิตส่วนตัวก็ไม่หยุดนิ่ง แม้แต่การสร้างความสัมพันธ์ การดูแลสุขภาพ ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดเสมอ ถ้าเราหยุดเรียนรู้ โลกจะไม่ได้แค่เดินผ่านเราไป...แต่จะทิ้งเราไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว

5 วิธีฝึกตัวเองให้เก่ง Learn – Unlearn – Relearn

  1. ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอ “สิ่งที่ฉันเชื่ออยู่ ยังใช้ได้จริงไหม?” หรือ "สิ่งที่ฉันทำอยู่ยังดีที่สุดแล้วหรือยัง?" หมั่นสังเกตตัวเองเวลารู้สึกไม่สบายใจ หากมีอาการต่อต้านความเปลี่ยนแปลง อาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้อง Unlearn

  2. ฟังมุมมองจากคนต่างวัย ต่างสาขา อย่าอยู่แค่ใน comfort zone ของความคิดตัวเอง จงสร้างวงล้อมคนที่เรียนรู้ไปพร้อมกับเรา เพราะพลังของสังคมแห่งการเรียนรู้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเบาลงและสนุกขึ้น

  3. ออกนอกพื้นที่ปลอดภัย ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เป็นประจำ เช่น ลองใช้เทคโนโลยีใหม่ เรียนทักษะใหม่ ลงมือแม้ยังไม่ชำนาญ ทดลองเรียนรู้เรื่องใหม่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างน้อยเดือนละ 1 เรื่อง

  4. อย่ายึดติดกับตำแหน่ง หรือความสำเร็จที่ผ่านมา เพราะความสำเร็จเก่าไม่การันตีว่าพรุ่งนี้จะสำเร็จเหมือนเดิม จงกล้าที่จะยอมให้ตัวเองเป็นมือใหม่ได้เสมอ เพราะเก่งในเรื่องหนึ่ง ไม่ได้แปลว่าจะไม่เริ่มต้นใหม่ในเรื่องอื่นได้อีก

  5. รักการเปลี่ยนแปลงมากกว่ากลัวมัน ทุกการเปลี่ยนแปลง มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ถ้าเราพร้อมมองหา



บทสรุป

ในโลกที่เปลี่ยนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ คนที่ยืนหยัดได้ ไม่ใช่คนที่แข็งแรงที่สุด หรือเร็วที่สุด แต่คือ คนที่ยืดหยุ่นที่สุด จง Learn เพื่อเปิดโลกใหม่ Unlearn เพื่อปล่อยมือจากอดีต และ Relearn เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยมือเราเอง

อย่าปล่อยให้โลกนำหน้าเราไปไกล เพราะทุกวันนี้...เรามีโอกาสเรียนรู้ใหม่ได้ทุกครั้งที่เราตัดสินใจ "ไม่หยุดเดิน" พร้อมจะก้าวต่อไปกับตัวเองเวอร์ชันใหม่หรือยัง? วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดที่เราจะเริ่ม


 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating

© 2035 by Site Name. Powered and secured by Wix

bottom of page