top of page

13 วิธีชนะเวลา: เทคนิคเด็ดจากคนสำเร็จ ที่เจ้ฝนคัดมาให้แล้ว

“ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ได้ไม่เท่ากัน” .... หลายคนมักบ่นว่า "ไม่มีเวลา" ทั้งที่เราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเหมือนกันหมด และสิ่งที่ทำให้แต่ละคนได้ผลลัพธ์ต่างกัน ไม่ใช่จำนวนชั่วโมงที่มี แต่คือ "วิธีที่เราใช้มัน" ใครที่จัดการเวลาได้ดี จะได้ชีวิตที่ก้าวหน้าอย่างมั่นคง ส่วนใครที่ปล่อยเวลาไหลผ่านไปแบบไม่รู้ตัว จะพบว่าความฝันที่เคยตั้งใจไว้...ยังอยู่ที่เดิม


ข่าวดีคือ "การจัดการเวลา" ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่คือทักษะที่ฝึกได้! และเจ้ฝนรวบรวม 13 เทคนิคจัดการเวลาที่ใช้ได้จริง มาไว้ตรงนี้แล้วเพื่อให้ทุกวันของคุณมีความหมาย มีพลัง และเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งใจมากขึ้น มาเริ่มก้าวแรกไปด้วยกันนะ





1. Pomodoro Technique – ทำงานให้มีจังหวะเหมือนหายใจ

หลักการ:

ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที และหลังจากทำครบ 4 รอบ พักยาว 15–30 นาที

เหมาะกับใคร:

คนที่สมาธิสั้น ผัดวันประกันพรุ่ง หรือรู้สึกว่างาน “ใหญ่เกินจะเริ่ม”

ประโยชน์:

  • ฝึกวินัยแบบไม่รู้ตัว

  • ทำให้สมองลื่นไหล ไม่ล้า

  • เห็นความคืบหน้าทีละนิด มีกำลังใจไปต่อ


2. Eisenhower Matrix – แยกงานให้ชัด จะได้ไม่พังไปหมด

หลักการ:

จัดงานลง 4 ช่อง แยกตามความสำคัญและความเร่งด่วน

สำคัญ + ด่วน = ทำเลย

สำคัญ + ไม่ด่วน = วางแผน

ไม่สำคัญ + ด่วน = มอบหมาย

ไม่สำคัญ + ไม่ด่วน = ตัดทิ้ง

เหมาะกับใคร:

คนที่เจองานเต็มโต๊ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน

ประโยชน์:

  • ตัด “ของลวง” ออกจาก “ของจริง”

  • สร้างสมดุลระหว่าง “ต้องทำ” กับ “ควรทำ”



3. ABCDE Method – เลือกลำดับให้เป๊ะ ชีวิตจะไม่สะเปะสะปะ

หลักการ:

แยกงานเป็น 5 กลุ่ม A → E

A: สำคัญที่สุด (ต้องทำให้เสร็จ)

B: สำคัญ (แต่ไม่เร่งด่วน)

C: ทำได้ถ้ามีเวลา

D: มอบหมายได้

E: ตัดทิ้งได้เลย

เหมาะกับใคร:

คนที่มี to-do list ยาวเป็นหางว่าว

ประโยชน์:

  • ช่วยโฟกัสงานที่สร้างผลลัพธ์จริง

  • ทำให้งานที่เหลือไม่ไหลรวมเป็นภาระ


4. 3-3-3 Method – ทำวันธรรมดาให้พิเศษด้วยระบบ 3 ชุด

หลักการ:

แบ่งเวลาในวันออกเป็น 3 ส่วน โดยใช้ 3 ชั่วโมงทำงานเชิงลึก  อีก 3 ชั่วโมงทำงานขนาดกลาง และอีก 3 ชั่วโมงทำงานดูแลระบบหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

เหมาะกับใคร:

คนที่อยากสร้างสมดุลระหว่าง “ความสำเร็จ” และ “ความสุข”

ประโยชน์:

  • จัดพลังชีวิตได้เหมาะสม

  • ไม่หลงไปกับงานยิบย่อยทั้งวัน


5. Getting Things Done (GTD) – ระบบจัดการงานแบบไม่ลืม ไม่ล้น ไม่หลุด

หลักการ:

Capture – จับทุกเรื่องที่เข้ามา

Clarify – ตีความว่างานนั้นคืออะไร

Organize – จัดหมวดหมู่

Reflect – ทบทวนสม่ำเสมอ

Engage – ลงมือทำด้วยใจจดจ่อ

เหมาะกับใคร:

คนที่มีไอเดียเยอะ งานเยอะ แต่อยู่ในหัวจนล้น

ประโยชน์:

  • เคลียร์สมอง

  • ทำให้ทุกอย่าง “อยู่ในระบบ” และไม่ลืม


6. 80/20 Rule – ลงแรงแค่ 20% ได้ผลลัพธ์ 80%

หลักการ:

โฟกัสที่ 20% ของกิจกรรมที่ให้ผลลัพธ์มากที่สุด แล้วกำจัดหรือลดกิจกรรมอีก 80% ที่ให้ผลน้อย

เหมาะกับใคร:

คนที่รู้สึกว่า “ทำเยอะ แต่ไม่ค่อยได้อะไร”

ประโยชน์:

  • ตัดสิ่งที่เปลืองพลัง

  • ทำให้งานก้าวหน้าไวขึ้น


7. Eat the Frog – จัดการกบตัวใหญ่ตั้งแต่เช้า

หลักการ:

ทำงานที่ยากที่สุด/สำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกของวัน

เหมาะกับใคร:

คนที่ชอบ “เลื่อน” งานยากไว้ท้ายสุดจนไม่ได้ทำ

ประโยชน์:

  • สร้างแรงกระตุ้นตั้งแต่ต้นวัน

  • ทำให้เรื่องอื่นดูง่ายขึ้น


8. Time Blocking – แบ่งเวลาแบบตั้งใจ

หลักการ:

แบ่งวันเป็นช่วงเวลา แล้วกำหนด “งานชนิดนั้นเท่านั้น” ในแต่ละช่วง เช่น เช้า = งานที่ต้องใช้ความคิดเชิงลึก / สาย = งานตอบอีเมล / บ่าย = ประชุม ฯลฯ

เหมาะกับใคร:

คนที่มีงานหลายประเภท หรือชอบ multitasking

ประโยชน์:

  • ลดการสลับงาน

  • เพิ่ม productivity อย่างรู้ทิศทาง


9. Warren Buffett 25/5 Rule – เป้าหมายต้องเลือก ไม่ใช่เก็บหมด

หลักการ:

เขียนเป้าหมาย 25 ข้อ แล้วเลือก 5 ข้อที่สำคัญที่สุด โดยห้ามยุ่งกับอีก 20 ข้อ จนกว่า 5 ข้อนั้นจะเสร็จ

เหมาะกับใคร:

คนที่ “ชอบทุกอย่าง” และ “อยากทำไปหมด”

ประโยชน์:

  • ตัดสิ่งล่อใจ

  • ทำให้ความสำคัญชัดเจน


10. MSCW Method – ลำดับความสำคัญแบบไม่หลุดโฟกัส

หลักการ:

Must-have: สำคัญที่สุด

Should-have: ควรมี

Could-have: มีได้ถ้าเหลือเวลา

Won’t-have: ยังไม่ต้องทำตอนนี้

เหมาะกับใคร:

คนทำโปรเจกต์เยอะ หรือวางแผนโปรเจกต์ทีม

ประโยชน์:

  • จัดลำดับแบบมืออาชีพ

  • ลดข้อโต้แย้งในทีมได้ด้วย


11. Pickle Jar Method – เริ่มจากชิ้นใหญ่ ใส่ของเล็กทีหลัง

หลักการ:

วางแผนให้ “งานที่สำคัญ” ลงก่อน แล้วค่อยใส่งานเล็ก งานจุก งานแทรกตามหลัง

เหมาะกับใคร:

คนที่รู้สึกว่างานเล็กแย่งเวลางานใหญ่

ประโยชน์:

  • งานใหญ่ไม่หลุดมือ

  • เห็นภาพรวมแบบมีลำดับ


12. 1-3-5 Method – วางแผนวันอย่างสมดุล

หลักการ:

ใน 1 วัน ทำ 1 งานใหญ่ 3 งานกลาง 5 งานเล็ก

เหมาะกับใคร:

คนที่ไม่รู้จะหยิบงานไหนก่อน

ประโยชน์:

  • ลด overcommitment

  • ทำให้งานเดินจริง


13. Kanban Board – จัดระบบการไหลของงานแบบเห็นภาพ

หลักการ:

ใช้บอร์ดแบ่งเป็น 3 หมวด คือ To Do – Doing – Done พร้อมขยับงานตามสถานะ

เหมาะกับใคร:

คนที่ต้องจัดการโปรเจกต์หลายขั้นตอน

ประโยชน์:

  • เห็นภาพรวม

  • คุมความคืบหน้าได้ง่าย


บทส่งท้าย

ความแตกต่างระหว่าง "คนที่ไปถึงฝั่งฝัน" กับ "คนที่ยังย่ำอยู่กับที่" ไม่ใช่พรสวรรค์ ไม่ใช่โชคช่วย แต่คือ "การเลือกใช้เวลาในแต่ละวัน" โลกนี้มีคนมากมายที่เก่งกว่าเรา มีคนที่เริ่มต้นก่อนเรา แต่ไม่เคยมีใครแย่ง "เวลาของเรา" ไปได้ เพราะ 24 ชั่วโมงในมือเรา...ยังพร้อมให้เราเลือกใช้งานเสมอ


13 เทคนิคจัดการเวลา ที่คัดมาให้ ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือเครื่องมือสร้างอนาคต แค่คุณเริ่มหยิบมันมาใช้วันละนิด ฝึกวันละข้อ เสริมวันละก้าว แล้วสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณทำวันนี้ อีก 1 ปีข้างหน้า…จะกลายเป็นระยะทางที่ต่างจากเดิมอย่างที่คุณไม่เคยคาดคิด

อย่าให้ความเสียดายมาเกิดขึ้นตอนสาย อย่าให้ตัวเองต้องหันกลับมาแล้วพูดว่า "รู้งี้เริ่มตั้งแต่วันนั้นก็ดี"วันนี้ คุณมีเวลาเท่าเดิมกับเมื่อวาน แต่คุณมีทางเลือกใหม่ — ทางเลือกที่จะ "จัดการเวลา" และ "กำหนดอนาคต" ด้วยมือตัวเอง 


ชีวิตไม่ได้สมบูรณ์แบบ อย่ารอให้พร้อม จงลงมือทำแล้วความพร้อมจะตามมาอยู่เคียงข้างเรา แล้วสักวันหนึ่ง…คุณจะขอบคุณตัวเองที่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้

 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating

© 2035 by Site Name. Powered and secured by Wix

bottom of page