top of page

7 ภาวะใจ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต

Updated: Mar 7

คุณเคยรู้สึกหมดไฟหรือเครียดจนไม่อยากทำอะไรเลยหรือไม่?

หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า Burnout แต่แท้จริงแล้ว สุขภาพจิตของเราได้รับผลกระทบจากภาวะที่หลากหลายมากกว่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนหรือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า วันนี้เลยขอชวนมาทำความรู้จักกับภาวะใจเหล่านี้เพื่อให้เราสามารถสังเกตสัญญาณเตือนได้เร็วขึ้นและป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนส่งผลต่อชีวิตประจำวันและการทำงานของเรา


  1. “ใจเฉื่อย” ภาษาทางการเขาเรียกว่า Languishing

    เป็นภาวะที่ทำให้รู้สึกเฉื่อยชาและขาดแรงจูงใจในชีวิต แม้จะไม่ได้เศร้าหรือหมดหวัง แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นต่อสิ่งรอบตัว ขาดเป้าหมายและไม่มีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมที่เคยสนุก อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ Burnout หรือภาวะซึมเศร้าได้ วิธีรับมือคือการหาเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตัวเอง ค้นหากิจกรรมที่เติมพลังใจ และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีคุณค่ากับคนรอบตัว

  2. “ใจล้า” หรือ Decision Fatigue

    เป็นภาวะที่สมองล้าเพราะต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ มากเกินไป ทำให้เกิดความเครียดและเลือกตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย คนที่มีภาวะนี้มักรู้สึกสมองเบลอ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจ หรือเลือกสิ่งที่ง่ายที่สุดแม้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด หากไม่ได้รับการจัดการ อาจนำไปสู่ความเครียดเรื้อรังหรือ Burnout ได้ วิธีป้องกันคือการใช้แนวทางจัดระเบียบงาน เช่น Eisenhower Matrix เพื่อแยกแยะสิ่งที่สำคัญ วางแผนล่วงหน้า และลดจำนวนการตัดสินใจที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน

  3. “ใจขยัน (เกิน)” คืออาการ Workaholism

    หรือภาวะเสพติดการทำงาน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในสังคมที่ให้คุณค่ากับความขยัน คนที่อยู่ในภาวะนี้มักคิดถึงงานตลอดเวลา ไม่สามารถหยุดทำงานได้ และรู้สึกผิดเมื่อต้องพักผ่อน ซึ่งอาจส่งผลให้ชีวิตขาดสมดุล ทำลายความสัมพันธ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะ Burnout หากไม่แก้ไขอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิธีรับมือคือการกำหนดเวลาทำงานและเวลาพักที่แน่นอน ฝึกมอบหมายงาน และให้เวลากับกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พักฟื้น

  4. “ใจอัดอั้น” ที่ภาษาสุขภาพจิตเรียกว่า Chronic Stress หรือความเครียดเรื้อรัง

    เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ เช่น วิตกกังวลตลอดเวลา ปวดหัว นอนไม่หลับ และอารมณ์แปรปรวน หากไม่ได้รับการจัดการ อาจนำไปสู่ Burnout หรือภาวะซึมเศร้าได้ วิธีจัดการกับความเครียดคือการฝึกเทคนิคการหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ ออกกำลังกาย และขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาทางจิตวิทยาเมื่อจำเป็น


    ree

  5. “ใจบาง” มีอาการ Compassion Fatigue

    ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการช่วยเหลือผู้อื่นมากเกินไปจนทำให้เกิดความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ภาวะนี้มักพบในผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการดูแล เช่น แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา หรือแม้แต่คนที่ต้องดูแลครอบครัวอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ในภาวะนี้มักรู้สึกหมดแรงทางจิตใจ เหมือนช่วยใครไม่ได้อีกต่อไป หรือรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่เคยมีความหมาย หากไม่ได้รับการฟื้นฟู อาจพัฒนาไปสู่ Burnout หรือภาวะซึมเศร้าได้ วิธีป้องกันคือการสร้างขอบเขตในการช่วยเหลือผู้อื่น ให้เวลากับตัวเอง และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อรู้สึกหมดพลังใจ

  6. “ใจหมดไฟ” หรือ Burnout

    เป็นภาวะที่รุนแรงขึ้นจากความเครียดและความเหนื่อยล้าเรื้อรังจนส่งผลให้หมดพลังงานทั้งทางร่างกายและจิตใจ คนที่ประสบภาวะ Burnout มักรู้สึกหมดแรง ขาดแรงจูงใจ และหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หากไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิธีรับมือกับ Burnout คือการลาพักงานเพื่อลดภาระ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และปรับวิถีชีวิตให้มีความสมดุลมากขึ้น

  7. “ใจซึม” มีอาการ Depression หรือภาวะซึมเศร้า

    ซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงที่สุดและต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ภาวะซึมเศร้าอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงความเครียดเรื้อรังและภาวะ Burnout ที่ไม่ได้รับการดูแล คนที่อยู่ในภาวะซึมเศร้ามักรู้สึกหมดหวัง ขาดพลังงาน ไม่สนใจสิ่งที่เคยชอบ และอาจมีความคิดทำร้ายตัวเอง วิธีแก้ไขคือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ใช้วิธีบำบัด เช่น การพูดคุยหรือการใช้ยาในบางกรณี และสร้างเครือข่ายสนับสนุนจากคนรอบตัว

การเรียนรู้ภาวะเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่าปล่อยให้ภาวะใจล่วงเลยไปจนถึงขั้นหมดไฟหรือซึมเศร้า สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเอง ให้เวลากับการพักผ่อน และขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น เพราะภาวะใจที่แข็งแรงเป็นรากฐานของชีวิตที่สมดุลและมีความสุข

ผู้เขียน: โค้ชเจ้ฝน

โค้ช วิทยากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตัวเอง

 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating

© 2035 by Site Name. Powered and secured by Wix

bottom of page